สัตว์เลี้ยง
ดวงประจำวันที่ 10 กรกฎาคม 2568: ราศีใดรุ่งเรือง ราศีใดต้องระวัง
2025-07-09
การพยากรณ์ดวงชะตาเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตที่ผู้คนให้ความสนใจเพื่อนำมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตประจำวัน บทความนี้จะนำเสนอการวิเคราะห์ดวงดาวและผลกระทบต่อแต่ละราศี พร้อมคำแนะนำที่เป็นประโยชน์สำหรับวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 เพื่อให้ทุกท่านสามารถใช้ชีวิตได้อย่างราบรื่นและเต็มศักยภาพ

เปิดเผยดวงชะตา: นำทางชีวิตด้วยหลักโหราศาสตร์ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2568

ปฏิทินดวงดาวและฤกษ์มงคล: วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568

ในวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568 (ค.ศ. 2025) ตามหลักสุริยคติ และตรงกับวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ปีมะเส็ง จุลศักราช 1387 ตามหลักจันทรคติ โดยพระอาทิตย์ขึ้นเวลา 05.56 น. และลับขอบฟ้าเวลา 18.50 น. ขณะที่เที่ยงจริงคือเวลา 12.23 น. และพระจันทร์ตกเวลา 06.07 น. สำหรับฤกษ์ยามวันนี้ เวลา 00.00-04.18 น. ดาวจันทร์สถิตในนักษัตรฤกษ์ที่ 19 คือ มูละ ซึ่งมีลักษณะเป็นทลิทโทฤกษ์ เหมาะสำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับการขอหรือการใช้ชีวิตแบบพอเพียง หลังจากนั้นเวลา 04.19-24.00 น. ดาวจันทร์ย้ายเข้าสู่ปุพพาษาฒนักษัตรฤกษ์ที่ 20 ซึ่งเป็นมหัทธโนฤกษ์ ถือเป็นช่วงเวลาอันเป็นมงคล เหมาะแก่การเริ่มต้นกิจการหรือการลงทุนที่มุ่งหวังความมั่งคั่ง อย่างไรก็ตาม ควรหลีกเลี่ยงการประกอบพิธีมงคลในช่วงเวลา 00.00-05.56 น. และ 23.21-24.00 น. ทิศมงคลของวันนี้คือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนทิศอัปมงคลคือทิศตะวันตกเฉียงใต้ สีมงคลคือเหลืองและแสด ในขณะที่สีต้องห้ามคือดำ ม่วงแก่ และเทา สำหรับราศีที่ดาวศรีกุมภ์คือราศีมิถุน และราศีที่ดาวกาลีกุมภ์คือราศีมีน.

ลักษณะเด่นของผู้ที่ถือกำเนิดในวันนี้

สำหรับเด็กชายที่เกิดในวันนี้ จะมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด โดดเด่นในการคิดค้น การพูด และการเขียน มีจิตใจที่กล้าหาญและแข็งแกร่ง พร้อมด้วยความมีน้ำใจ แต่ก็มีอุปนิสัยใจร้อน ชอบช่วยเหลือเจ้านาย และมีความเหมาะสมในการประกอบอาชีพด้านการทหาร ตำรวจ หรือช่างเทคโนโลยี จะได้รับความเมตตาจากผู้ใหญ่ และเป็นที่พึ่งของครอบครัวในอนาคต ส่วนเด็กหญิงที่เกิดในวันนี้ จะมีรูปร่างหน้าตาที่งดงาม มีความสามารถในการสื่อสาร การเขียน และการคิดค้นอย่างยอดเยี่ยม สามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีในสังคมและธุรกิจได้เป็นอย่างดี สามารถเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ ได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร และจะได้รับความช่วยเหลือสนับสนุนจากผู้คนรอบข้าง ส่งผลให้มีอนาคตที่รุ่งเรือง มีชื่อเสียง และฐานะที่มั่นคง.

คำพยากรณ์สำหรับผู้ที่เกิดวันอาทิตย์: ความสัมพันธ์และการเงิน

ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์จะได้รับการยอมรับและความนิยมจากทั้งผู้ใหญ่และเพื่อนร่วมงาน อย่างไรก็ตาม อาจมีความขัดแย้งเกิดขึ้นกับมิตรสหายหรือคนใกล้ชิด ควรดูแลรักษาทรัพย์สินที่มีค่าให้ดีเป็นพิเศษ เพราะมีเกณฑ์ที่จะต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากเพื่อดูแลสุขภาพ การเดินทางอาจมีเพิ่มขึ้น เพื่อนสนิทอาจได้รับการเลื่อนตำแหน่ง และจะได้รับของขวัญจากบุคคลที่มาจากต่างถิ่น ควรใช้จ่ายเงินอย่างรอบคอบและเก็บออมไว้สำหรับความจำเป็น.

คำพยากรณ์สำหรับผู้ที่เกิดวันจันทร์: การร่วมงานและความเข้าใจ

ผู้ที่เกิดวันจันทร์จะพบเจอเพื่อนร่วมงานหรือหุ้นส่วนที่ถูกใจ ซึ่งจะเป็นที่ปรึกษาที่ดีในหลาย ๆ ด้าน ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เคยจากไปอาจกลับมาช่วยเหลืองานสำคัญอีกครั้ง มีแนวโน้มที่จะได้รับการมอบหมายภารกิจสำคัญ แต่ก็อาจมีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีต การวางแผนการเดินทางจะประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และการเจรจาต่อรองใด ๆ ก็จะสำเร็จลุล่วงด้วยดี เพศตรงข้ามจะนำสิ่งของที่ถูกใจมาให้ และมีโอกาสได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำ สถานการณ์ทางการเงินจะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ คู่ครองหรือคนรักจะสามารถปรับความเข้าใจกันได้ และมีโอกาสได้เดินทางไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์.

คำพยากรณ์สำหรับผู้ที่เกิดวันอังคาร: การจัดการการเงินและอุปสรรค

ผู้ที่เกิดวันอังคารควรให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการจัดการทรัพย์สินและการเงิน ควรใช้จ่ายอย่างรอบคอบและไม่ฟุ่มเฟือย ควรมีเงินออมสำรองไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน ปัญหาที่เคยเผชิญอยู่จะค่อย ๆ คลี่คลายลง และสิ่งของมีค่าที่สูญหายไปมีแนวโน้มจะได้คืน ควรเปิดใจรับฟังความคิดเห็นจากคนรอบข้าง เพื่อประโยชน์ในการดำเนินชีวิต จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน และมีโชคลาภเล็กน้อย ควรพยายามทำความเข้าใจกับผู้คนรอบข้างให้มากขึ้น และระมัดระวังเรื่องอาหารการกินเพื่อสุขภาพที่ดี.

คำพยากรณ์สำหรับผู้ที่เกิดวันพุธ: โอกาสและความท้าทาย

ผู้ที่เกิดวันพุธจะประสบความสำเร็จในการเจรจาต่อรองต่าง ๆ และมีโอกาสได้รับโชคลาภเป็นทรัพย์สินเงินทองอย่างคาดไม่ถึง จะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากผู้ใหญ่ หากมีความมุ่งมั่นและพยายามอย่างต่อเนื่อง จะสามารถก้าวข้ามอุปสรรคในเรื่องงานไปได้ ผู้ใหญ่และมิตรสหายจะนำสิ่งดี ๆ มาให้ รวมถึงได้รับของฝากและของขวัญ การเงินจะหมุนเวียนได้ดีขึ้น และบริวารจะให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี หากเจ็บป่วยก็จะฟื้นตัวได้ไม่นานนัก อย่างไรก็ตาม รายจ่ายอาจเพิ่มขึ้น และมีเวลาน้อยลงในการให้ความสำคัญกับคนรัก ควรดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ.

คำพยากรณ์สำหรับผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี: ความก้าวหน้าและสังคม

ผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดีจะมีโอกาสแสดงความรู้ความสามารถได้อย่างเต็มที่ และได้เข้าร่วมงานสังคมหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง มีความขยันหมั่นเพียรในการทำงาน และมีรายได้เพิ่มขึ้นจากงานพิเศษ อย่างไรก็ตาม อาจมีปัญหาด้านความสัมพันธ์เข้ามาให้แก้ไข สถานการณ์ทางการเงินจะมีความสดใส มีโอกาสได้รับลาภจากการเสี่ยงโชค จะได้เข้าร่วมพิธีสำคัญและพบปะผู้คนหลากหลาย มีแนวโน้มที่จะได้ปรับปรุงหรือตกแต่งที่อยู่อาศัย อาชีพการงานจะมีความก้าวหน้าอย่างเห็นได้ชัด และจะได้รับสิ่งของหรือเงินทองเป็นลาภ ควรใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง และจะมีการคบหาสมาคมกับผู้คนมากมาย.

คำพยากรณ์สำหรับผู้ที่เกิดวันศุกร์: การติดต่อและสุขภาพ

ผู้ที่เกิดวันศุกร์มีโอกาสได้พบปะกับบุคคลสำคัญในสังคม การติดต่อเจรจาทางธุรกิจจะดำเนินไปได้ด้วยดี มีเพื่อนร่วมงานคนใหม่เข้ามาเสริมทีม และการงานโดยรวมจะประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จะได้รับการสนับสนุนที่ดีจากบริวาร มีโอกาสในการเดินทาง และได้รับผลตอบแทนทางการเงินที่น่าพึงพอใจ อาจได้พบเจอคู่ครองหรือหุ้นส่วนที่เป็นเพศตรงข้าม และมีคนจากแดนไกลแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน อย่างไรก็ตาม ควรระมัดระวังและดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้ดีเป็นพิเศษ.

คำพยากรณ์สำหรับผู้ที่เกิดวันเสาร์: การเปลี่ยนแปลงและการปรับตัว

ผู้ที่เกิดวันเสาร์ควรเปิดใจรับฟังคำแนะนำจากคนรอบข้าง การงานจะได้รับการปรับปรุงและแก้ไขให้เข้าที่เข้าทาง ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในชีวิต อย่างไรก็ตาม อาจมีเรื่องจำเป็นที่ต้องใช้จ่ายเงิน และอาจเกิดความขัดแย้งกับคนใกล้ชิดได้ บุตรหลานหรือผู้ใต้บังคับบัญชาอาจแสดงอารมณ์ออกมา ซึ่งต้องใช้ความเข้าใจในการรับมือ นอกจากนี้ อาจมีเรื่องเกี่ยวกับการศึกษาต่อเข้ามาเกี่ยวข้อง ควรพยายามปรับความเข้าใจกับผู้คนรอบข้างให้ดี และระมัดระวังเรื่องสุขภาพเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่คาดคิด จะมีโอกาสได้งานใหม่เข้ามาให้ทำ และความสัมพันธ์ที่เคยมีปัญหาก็จะสามารถกลับมาเข้าใจกันได้ การงานจะมีความหวังและโอกาสที่สดใสรออยู่.

อนาคตการเมืองอเมริกา: พรรคมัสก์จะเปลี่ยนโฉมการเลือกตั้งกลางเทอมได้อย่างไร?
2025-07-10

ภูมิทัศน์ทางการเมืองของสหรัฐอเมริกากำลังจะได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วยการปรากฏตัวของพรรคการเมืองใหม่ภายใต้การนำของมหาเศรษฐีผู้ประกอบการชื่อดัง การก่อตั้งพรรคนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการคลังของประเทศกำลังทวีความรุนแรงขึ้น พรรคที่เพิ่งถือกำเนิดขึ้นนี้คาดการณ์ว่าจะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งกลางเทอมที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาจส่งผลกระทบต่อพรรคการเมืองที่มีอยู่เดิมซึ่งครองเสียงข้างมากในสภาคองเกรสในปัจจุบัน ผู้สังเกตการณ์ทางการเมืองกำลังจับตาดูว่าพรรคนี้จะสามารถท้าทายขนบธรรมเนียมทางการเมืองแบบสองพรรคได้อย่างไร ด้วยจุดแข็งด้านทรัพยากรและการสนับสนุนที่ได้รับจากกลุ่มประชากรที่สำคัญ

การเปิดตัว \"พรรคอเมริกา\" นำโดยอีลอน มัสก์ เกิดขึ้นภายหลังการลงนามในกฎหมายนโยบายภายในประเทศที่เรียกว่า \"กฎหมายที่ยิ่งใหญ่และงดงาม\" โดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ มัสก์ได้แสดงความกังวลอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับผลกระทบของกฎหมายดังกล่าว โดยคาดการณ์ว่าจะส่งผลให้การขาดดุลงบประมาณของสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

แม้ว่ามัสก์จะยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดนโยบายของพรรคมากนัก แต่ก็มีการคาดการณ์ว่าเป้าหมายหลักของเขาคือการเข้ายึดครองที่นั่งจำนวนหนึ่งทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาในการเลือกตั้งกลางเทอมปี 2569 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า สมาชิกพรรครีพับลิกันในปัจจุบันที่เคยให้การสนับสนุนร่างกฎหมายของทรัมป์นั้น ได้เคยเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบทางการคลังมาก่อนหน้านี้

นายแมตต์ ชูเมกเกอร์ อดีตนักวิเคราะห์การเมืองและอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองจากพรรครีพับลิกัน แสดงความคิดเห็นว่า การถือกำเนิดของ \"พรรคอเมริกา\" ของมัสก์ ถือเป็นปัจจัยที่ไม่คาดคิด ซึ่งอาจพลิกโฉมภูมิทัศน์การเลือกตั้งกลางเทอมในปี 2569 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับพรรครีพับลิกันที่ครองเสียงข้างมากเพียงเล็กน้อยในสภาคองเกรส

ก่อนหน้านี้ มัสก์ได้ส่งสัญญาณถึงแนวคิดในการก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่มาหลายสัปดาห์แล้ว โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาได้จัดการสำรวจความคิดเห็นบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งผลลัพธ์แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างท่วมท้น โดยมีผู้ตอบแบบสอบถามประมาณ 5.6 ล้านคนถึง 80% ที่เห็นด้วยกับการก่อตั้งพรรคใหม่

พรรคการเมืองของมัสก์ได้รับประโยชน์จากทรัพยากรที่แทบจะไร้ขีดจำกัด รวมถึงความสามารถในการดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นใหม่จำนวนมากในอเมริกา ซึ่งมองว่าเขาเป็นบุคคลอัจฉริยะที่ไม่ได้สังกัดฝ่ายใด และเป็นซูเปอร์สตาร์ผู้มีอิทธิพล

มัสก์ได้แสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่จะใช้เงินทุนจำนวนมหาศาลในการสนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง โดยมีทรัพย์สินส่วนตัวประมาณ 405,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 13.17 ล้านล้านบาท) เช่นเดียวกับที่เขาเคยบริจาคเงิน 277 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 9,000 ล้านบาท) ให้กับการรณรงค์หาเสียงของทรัมป์ในปี 2567

แม้ว่าสมาชิกของทั้งพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตจำนวนมากจะหันมาสนับสนุนพรรคการเมืองอิสระ แต่ชัยชนะของพรรคการเมืองนอกเหนือจากสองพรรคใหญ่ก็ยังคงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากมากในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของสหรัฐฯ นักวิเคราะห์หลายคนชี้ให้เห็นถึงอุปสรรคมากมายที่พรรคการเมืองที่สามต้องเผชิญในการพยายามให้มีชื่ออยู่ในบัตรเลือกตั้ง ในระบบที่ออกแบบมาเพื่อคงสภาพที่เป็นอยู่

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีความเห็นตรงกันว่า การที่พรรคของมัสก์จะคว้าที่นั่งในสภาคองเกรสได้อาจเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างยิ่ง อย่างไรก็ตาม เขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับทรัมป์ได้ด้วยการดึงคะแนนเสียงจากสมาชิกพรรครีพับลิกันที่อ่อนไหว หรือแม้กระทั่งสนับสนุนเงินทุนให้กับคู่แข่งของผู้สมัครที่ทรัมป์ต้องการในการเลือกตั้งขั้นต้น นายอีวาน เนียร์แมน ซีอีโอของบริษัทประชาสัมพันธ์ด้านวิกฤตการณ์ระดับโลก \"เรด บันยัน\" กล่าวสรุปว่า \"พรรคการเมืองของมัสก์อาจไม่สามารถคว้าที่นั่งในสภาคองเกรสได้ แต่ก็อาจทำให้พรรครีพับลิกันต้องสูญเสียคะแนนเสียง ซึ่งในการเลือกตั้งที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด แม้คะแนนเพียงเล็กน้อยที่ฝ่ายขวาเสียไปก็อาจพลิกการควบคุมได้เลยทีเดียว\"

Ver más
วิเคราะห์การปฏิรูปการเมืองไทย: ความขัดแย้งที่ยืดเยื้อและอนาคตที่ไม่แน่นอน
2025-07-10

ในห้วงเวลาสองทศวรรษที่ผ่านมา ภูมิทัศน์ทางการเมืองของประเทศไทยถูกฉาบด้วยความปั่นป่วนและการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ความพยายามในการปฏิรูปมักเผชิญกับอุปสรรคซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เกิดคำถามถึงประสิทธิภาพและความมุ่งมั่นที่แท้จริงเบื้องหลังวาระเหล่านั้น บทความนี้จะเจาะลึกถึงเหตุการณ์สำคัญและพลวัตที่ขับเคลื่อนฉากการเมืองไทยตลอดช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งเผยให้เห็นวัฏจักรของความหวัง ความผิดหวัง และการดิ้นรนเพื่อเสถียรภาพที่ยังคงดำเนินต่อไป

ความขัดแย้งทางการเมืองไทยมีรากฐานมาจากหลายปัจจัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีการขายหุ้นชินคอร์ปของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ให้กับเทมาเสคของสิงคโปร์ ซึ่งนำไปสู่ข้อถกเถียงด้านจริยธรรมและการยุบสภา การเลือกตั้งใหม่ภายหลังถูกพรรคประชาธิปัตย์คว่ำบาตร โดยอ้างว่าเป็นการเลือกตั้งที่จัดขึ้นเพื่อฟอกขาวให้อดีตนายกรัฐมนตรี ความวุ่นวายยังคงดำเนินต่อไปเมื่อศาลปกครองประกาศให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ เนื่องจากปัญหาเรื่องการใช้คูหาเลือกตั้งที่ไม่เป็นความลับ การล้มล้างพรรคไทยรักไทยตามมาหลังจากที่มีข้อกล่าวหาเรื่องการจ้างพรรคเล็กเข้าร่วมการเลือกตั้ง

เมื่อเข้าสู่ยุคของรัฐบาล คมช. ที่นำโดยพลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์ การร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (รัฐธรรมนูญปี 2550) ก็ถูกดำเนินการ อย่างไรก็ตาม หลังการเลือกตั้ง เครือข่ายตระกูลชินได้กลับคืนสู่อำนาจในนามพรรคพลังประชาชน โดยมีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็ต้องพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการตีความคำว่า “ลูกจ้าง” หลังจากนั้น นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ซึ่งเป็นน้องเขยของนายทักษิณ ได้รับไม้ต่อในการเป็นนายกรัฐมนตรี แต่รัฐบาลก็เผชิญกับการยุบพรรคพลังประชาชน (และพรรคอื่น ๆ) จากข้อกล่าวหาเรื่องการโกงเลือกตั้ง ทำให้เกิดพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแทนที่

สถานการณ์ทางการเมืองทวีความตึงเครียดขึ้นเมื่อกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งนำโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ได้รวมตัวเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภาและจัดการเลือกตั้งใหม่ โดยอ้างว่าการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคภูมิใจไทยของกลุ่มนายเนวิน ชิดชอบ นั้นไม่ชอบธรรม การปฏิเสธที่จะยุบสภาของรัฐบาลนำไปสู่การชุมนุมครั้งใหญ่ในปี 2552 และการยกระดับการชุมนุมในปี 2553 ซึ่งส่งผลให้เกิดการปะทะและมีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ได้พยายามปฏิรูปการเมือง การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ และการปฏิรูปสื่อสารมวลชน โดยแต่งตั้งคณะกรรมการสามชุดขึ้นมาทำงาน แต่ข้อเสนอแนะจากการปฏิรูปเหล่านั้นส่วนใหญ่ก็ไม่ได้รับการนำไปปฏิบัติหรือถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา

ภายหลังการยุบสภาและการเลือกตั้งในปี 2554 นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของนายทักษิณ ได้รับชัยชนะด้วยกระแสความนิยมจากกลุ่มคนเสื้อแดงและอิทธิพลของนายทักษิณ อย่างไรก็ตาม การเสนอร่างพระราชบัญญัตินิรโทษกรรมแบบ “สุดซอย” ซึ่งจะนิรโทษกรรมอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ทำให้เกิดการประท้วงครั้งใหญ่ที่นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ การชุมนุมดังกล่าวขัดขวางการเลือกตั้งที่ถูกยุบขึ้นมาใหม่ ทำให้ประเทศเผชิญกับสุญญากาศทางการบริหาร และท้ายที่สุดก็นำไปสู่การเข้ายึดอำนาจโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ในช่วงที่พลเอก ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการจัดตั้งสภาการปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภาติดตามการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เพื่อศึกษาและติดตามแนวทางการปฏิรูป แต่ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จากการปฏิรูปเหล่านั้นยังคงเป็นที่กังขา นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญปี 2560 ยังได้วางกับดักทางการเมืองไว้ผ่านการมีวุฒิสมาชิกเฉพาะกาลที่มีวาระ 5 ปี ซึ่งมีอำนาจในการรับรองนายกรัฐมนตรีได้ถึงสองครั้ง ส่งผลต่อผลการเลือกตั้งในครั้งต่อมา โดยพรรคเพื่อไทยต้องร่วมมือกับพรรคที่มาจาก คสช. ในการจัดตั้งรัฐบาล

ปัจจุบัน สถานการณ์ทางการเมืองยังคงได้รับอิทธิพลอย่างมากจากอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ซึ่งเดินทางกลับประเทศไทยและได้รับสิทธิ์พักรักษาตัวด้วยอาการป่วยที่ชั้น 14 ของโรงพยาบาลตำรวจ การปรากฏตัวและคำกล่าวของเขาในเวทีสาธารณะยังคงมีผลกระทบต่อรัฐบาลและพรรคการเมืองในปัจจุบัน แม้แต่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยก็ต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยข้อหาด้านจริยธรรมที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งบุคคลที่มีประวัติข้อครหา นำไปสู่การเสนอชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป

ตลอดสองทศวรรษที่ผ่านมา การปฏิรูปการเมืองในประเทศไทยยังไม่สามารถบรรลุผลตามที่ตั้งใจไว้ ผู้เล่นทางการเมืองยังคงเป็นกลุ่มเดิม ๆ ที่มุ่งแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง การเมืองระดับชาติได้ขยายอิทธิพลไปถึงระดับท้องถิ่น และประชาชน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ได้หันมาสนใจการเมืองมากขึ้น พร้อมกับตระหนักถึงพฤติกรรมของนักการเมืองที่มุ่งเน้นแต่ประโยชน์ส่วนตน ในภาพรวม การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทาย และบางที การตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิตอาจเป็นหนทางหนึ่งที่จะหยุดยั้งวัฏจักรของปัญหาที่ซ้ำซากนี้

Ver más