รัฐบาลไทยได้ประกาศเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมทางพุทธศาสนาครั้งสำคัญสำหรับปีพุทธศักราช 2568 ได้แก่ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา การเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการทำบุญและรักษาประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดกันมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเน้นย้ำถึง 10 ประเพณีบุญที่ยิ่งใหญ่ใน 10 จังหวัด ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายและความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ร่วมตอบปัญหาธรรมะผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสอน และยังได้รับเกียรติบัตรเป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการทำบุญแบบดั้งเดิมกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงผู้คนในยุคปัจจุบัน
รัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญทางพุทธศาสนาเช่นวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา การเชิญชวนครั้งนี้ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ยังเป็นการสนับสนุนประเพณีท้องถิ่นที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค การรวบรวม 10 ประเพณีบุญเด่นจาก 10 จังหวัดเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สัมผัสและเรียนรู้ความงดงามของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ การริเริ่มกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์ยังเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้และเผยแผ่หลักธรรมในวงกว้างยิ่งขึ้น ทำให้การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้และน่าสนใจสำหรับทุกคน
รัฐบาลไทยได้ประกาศเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญทางศาสนาในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาประจำปี 2568 โดยกิจกรรมเหล่านี้จะจัดขึ้นทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนจากทุกพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการทำบุญและรักษาประเพณีอันดีงามของชาติ
สำหรับวันอาสาฬหบูชา ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568 และวันเข้าพรรษาในวันถัดมาคือ 11 กรกฎาคม 2568 ทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการสืบสานประเพณีทางพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน การเชิญชวนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญ เช่น การถวายเทียนพรรษา การเวียนเทียน และการตักบาตรดอกไม้ ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างเสริมความเป็นสิริมงคลและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ นอกจากนี้ รัฐบาลยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในสังคมผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเหล่านี้ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมโดยรวมให้ดียิ่งขึ้น
ในโอกาสสำคัญนี้ ได้มีการปักหมุด 10 จังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของ 10 ประเพณีบุญที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รู้จัก เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนได้เดินทางไปสัมผัสและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานบุญเหล่านั้น
ประเพณีงานบุญที่โดดเด่นทั้ง 10 แห่ง ได้แก่ งานแห่เทียนพรรษาพระราชทาน จังหวัดนครพนม, งานแห่เทียนพรรษาโคราช จังหวัดนครราชสีมา, งานแห่เทียนพรรษาประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์, งานแห่เทียนพรรษาทางน้ำลาดชะโด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, งานเวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา, งานตักบาตรดอกเข้าพรรษา วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี, งานประเพณียายดอกไม้ (ตักบาตรดอกไม้) วัดจินดามณี จังหวัดสิงห์บุรี, งานแห่เทียนพรรษา 10 อำเภอ จังหวัดสุพรรณบุรี, งานแห่เทียนและตักบาตรบนหลังช้าง จังหวัดสุรินทร์ และงานแห่เทียนพรรษา \"ศรีศิลป์ ถิ่นไทยดี\" จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งประเพณีเหล่านี้ล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์และสะท้อนถึงวิถีชีวิตความเชื่อของคนในท้องถิ่น นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับยุคดิจิทัล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยังได้จัดกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2568 โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมตอบคำถาม 10 ข้อ ระหว่างวันที่ 9 - 16 กรกฎาคม 2568 หากทำคะแนนได้ตั้งแต่ 60% ขึ้นไป จะได้รับเกียรติบัตรออนไลน์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมการเรียนรู้และเข้าถึงหลักธรรมคำสอนได้อย่างสะดวกสบาย
เนื่องในโอกาสอันเป็นมงคลของวันอาสาฬหบูชา สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ได้ทรงเมตตาประทานพระคติธรรมอันล้ำค่า เพื่อเตือนใจพุทธศาสนิกชนให้หวนรำลึกถึงความสำคัญของวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงปฐมเทศนา และนำไปสู่การบังเกิดของพระรัตนตรัยอันบริบูรณ์ พระคติธรรมนี้เน้นย้ำถึงแก่นแท้ของธรรมะในการดำรงชีวิตในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ 'สัมมาวาจา' หรือวาจาชอบ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างความสงบสุขในสังคมและชีวิตส่วนตัว ท่ามกลางความท้าทายจากข้อมูลข่าวสารที่ท่วมท้น
วันอาสาฬหบูชาที่เวียนมาบรรจบอีกครั้งในปีพุทธศักราช 2568 นี้ นับเป็นช่วงเวลาสำคัญที่พุทธศาสนิกชนจะได้หวนรำลึกถึงเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ในพุทธประวัติ นั่นคือการที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงพระปฐมเทศนา 'ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร' แด่ปัญจวัคคีย์ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน การแสดงธรรมครั้งแรกนี้ได้ก่อให้เกิดพระอริยสงฆ์องค์แรกคือพระอัญญาโกณฑัญญะ และทำให้เกิดองค์ประกอบครบถ้วนของ 'พระรัตนตรัย' อันได้แก่ พระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ซึ่งเป็นที่พึ่งอันสูงสุดสำหรับพุทธบริษัทในการนำทางชีวิตไปสู่การดับทุกข์โดยสิ้นเชิง พระธรรมคำสอนที่ทรงแสดงนี้คือหนทางแห่งการหลุดพ้นทุกข์ด้วยอริยมรรคมีองค์แปด หรือการปฏิบัติเพื่อให้พ้นจากห้วงทุกข์ทั้งมวล
ในสถานการณ์ปัจจุบันที่เทคโนโลยีการสื่อสารก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โลกกลับเผชิญกับความเสื่อมถอยทางด้านความสงบสุข ผู้คนจำนวนมากต้องทนอยู่ในวังวนของความชิงชัง ความก้าวร้าว และความตึงเครียดอันเนื่องมาจากการบริโภคข้อมูลอันเป็นเท็จ การนินทา คำหยาบคาย และความเพ้อเจ้อ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อสุขภาพจิต สมเด็จพระสังฆราชจึงทรงชี้ให้เห็นถึงความจำเป็นในการหันกลับมาพิจารณาและศึกษาอริยมรรคอย่างจริงจัง และมุ่งมั่นที่จะดำเนินชีวิตตามหลักธรรม เพื่อแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุ ประการสำคัญคือการปลูกฝังและสั่งสม 'สัมมาวาจา' หรือ 'การเจรจาชอบ' ให้เกิดขึ้นในตนเองและในหมู่สมาชิกของสังคมอย่างมั่นคง
ดังนั้น สิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติคือการเพิ่มพูนสติเพื่อยับยั้งการสื่อสารของตนเองและคนรอบข้าง ไม่ควรเผลอไผลหรือคะนองในการใช้คำพูดที่ไม่ถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นคำเท็จ คำส่อเสียด คำหยาบคาย หรือคำเพ้อเจ้อ ควรตระหนักอยู่เสมอว่าการใช้ถ้อยคำเหล่านี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความเสื่อมทรามที่หยั่งรากลึกอยู่ในอุปนิสัยของบุคคลนั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างยิ่ง และไม่ควรนำมาเปิดเผย วันอาสาฬหบูชาไม่เพียงแต่เตือนใจให้รำลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสให้ทุกคนได้ตระหนักถึงความสำคัญของ 'สัมมาวาจา' ในอริยมรรค
เพื่อสร้างสังคมไทยให้ร่มเย็นเป็นสุข จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องหมั่นเพียรศึกษา อบรม และปฏิบัติธรรม มีความกล้าหาญที่จะละทิ้งมิจฉาวาจา เพื่อให้ทุกครอบครัวและทุกชุมชนเป็นสถานที่ที่ปราศจากการหลอกลวง การทะเลาะเบาะแว้ง และความตึงเครียด การกระทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อตนเอง แต่ยังเป็นการเกื้อกูลสรรพชีวิตทั้งหลายให้สามารถพ้นจากภยันตรายต่างๆ ได้อย่างแท้จริง ขอความเจริญงอกงามในพระสัทธรรมจงบังเกิดมีแด่สาธุชนผู้มีวาจาชอบโดยทั่วกัน
ตู้เต่าบิน แบรนด์เครื่องดื่มอัตโนมัติที่คุ้นเคยในไทย กำลังก้าวสู่มิติใหม่ทางธุรกิจภายใต้การนำของ วทันยา อมตานนท์ ผู้ก่อตั้งผู้ซึ่งมองว่า 'ข้อมูล' คือกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ ในอนาคต ตู้เต่าบินที่มีมากกว่า 7,000 ตู้ อาจไม่เพียงแค่ให้บริการเครื่องดื่ม แต่จะกลายเป็น 'จอโฆษณา' อัจฉริยะที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ด้วยฐานข้อมูลลูกค้าโทรศัพท์กว่า 11 ล้านคน และสมาชิก 2 ล้านคนที่ระบุรายละเอียดเพิ่มเติมได้ เต่าบินมีศักยภาพที่จะวิเคราะห์พฤติกรรมและความชอบของลูกค้า เพื่อนำเสนอโฆษณาที่เกี่ยวข้องได้อย่างแม่นยำ
แม้ในช่วง 5 ปีแรก เต่าบินจะเผชิญกับความท้าทายด้านรายได้ แต่ในปี 2567 ธุรกิจก็เริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ด้วยรายได้ 2,267 ล้านบาท และกำไร 342 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง การใช้ข้อมูลเป็นแกนหลักในการดำเนินธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงสูตรเครื่องดื่มให้ได้มาตรฐาน การบริหารจัดการต้นทุนการบำรุงรักษาและการพัฒนาตู้ ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เต่าบินสามารถเติบโตและขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้ถึง 6 แห่ง โดยมีเป้าหมายที่จะขยายเพิ่มอีก 10 ประเทศในอนาคต
สำหรับตู้เต่าบิน 'ข้อมูล' คือหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่การออกแบบสูตรเครื่องดื่มที่แม่นยำ ไปจนถึงการทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภค ภายใต้การนำของวทันยา อมตานนท์ ผู้ก่อตั้งและผู้เชี่ยวชาญด้านข้อมูล เต่าบินได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อให้มั่นใจว่าเครื่องดื่มทุกแก้วมีรสชาติคงที่และได้มาตรฐาน นอกจากนี้ ข้อมูลยังช่วยให้เต่าบินสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าตู้เต่าบินจะไม่มีพนักงานประจำ แต่ก็มีต้นทุนในการบำรุงรักษาวัตถุดิบ และการพัฒนาตู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ การใช้ข้อมูลช่วยให้เต่าบินสามารถจัดการกับต้นทุนเหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาดและคุ้มค่าที่สุด
\nแนวคิดเบื้องหลังความสำเร็จของเต่าบินคือการตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคปัจจุบันที่ข้อมูลเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจ ทุกองค์ประกอบภายในตู้เต่าบินถูกออกแบบมาเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นสูตรเครื่องดื่มที่มีข้อมูลอ้างอิง ระบบการชั่งน้ำหนักส่วนผสม และเซ็นเซอร์ที่ควบคุมรสชาติเครื่องดื่มให้สม่ำเสมอ นอกจากนี้ ยังมีการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคุณภาพของกาแฟ เช่น การไหลเวียนของกาแฟ แรงดันในการสกัด อุณหภูมิ และวิธีการเก็บรักษาเมล็ดกาแฟ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นผลมาจากความสำคัญของข้อมูล ทำให้เต่าบินสามารถผลิตเครื่องดื่มคุณภาพดีได้อย่างต่อเนื่อง และยังสามารถขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศได้สำเร็จ ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงพลังและประโยชน์ของข้อมูลในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ก้าวหน้าในยุคดิจิทัล
\nด้วยฐานข้อมูลลูกค้ากว่า 11 ล้านคน และจำนวนตู้กว่า 7,000 จุดทั่วประเทศ ตู้เต่าบินกำลังมองเห็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงบทบาทของตนเอง จากเพียงแค่ผู้จำหน่ายเครื่องดื่มไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาที่มีศักยภาพ วทันยา อมตานนท์ ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการนำเสนอโฆษณาที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย โดยอาศัยข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของลูกค้า เช่น หากพบว่าลูกค้าผู้หญิงมักจะสั่งเครื่องดื่มร้อนในช่วงเวลาเดิมๆ อาจบ่งชี้ถึงช่วงเวลาที่มีประจำเดือน ซึ่งเป็นโอกาสในการนำเสนอโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผ้าอนามัย นี่คือวิสัยทัศน์ที่เต่าบินจะสามารถเปลี่ยนจอแสดงผลของตู้ให้เป็นพื้นที่โฆษณาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
\nแนวคิดในการเปลี่ยนตู้เต่าบินให้เป็นจอโฆษณาไม่ได้จำกัดอยู่แค่การนำเสนอสินค้าทั่วไป แต่ยังมุ่งเน้นไปที่การสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่เฉพาะบุคคลและมีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าแต่ละราย ข้อมูลการซื้อ โลเคชั่น ความชอบ และแม้กระทั่งท็อปปิ้งที่ลูกค้าชื่นชอบ ทั้งหมดนี้จะถูกนำมาวิเคราะห์และประมวลผลผ่านหมายเลขโทรศัพท์มือถือ เพื่อให้เต่าบินสามารถนำเสนอโฆษณาที่แม่นยำและตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด นอกจากนี้ วทันยายังได้เน้นย้ำว่าข้อมูลที่ดีคือข้อมูลที่มีปริมาณมาก การเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องในระยะยาวจะช่วยให้เต่าบินสามารถค้นพบประโยชน์ใหม่ๆ ของข้อมูล และต่อยอดไปสู่การขยายธุรกิจในระดับโลก ซึ่งปัจจุบันเต่าบินได้ขยายสาขาไปแล้วถึง 6 ประเทศ และมีแผนที่จะเพิ่มอีก 10 ประเทศในอนาคต เพื่อบรรลุเป้าหมายการเป็น 'Unicorn' ในธุรกิจนี้