Ante la persistente prórroga de los Presupuestos Generales del Estado, el Gobierno español, a través del Ministerio de Hacienda, ha procedido a una nueva y significativa inyección de capital en la Seguridad Social. El pasado martes, el Consejo de Ministros aprobó la transferencia de 6.800 millones de euros destinados a cubrir la financiación de diversas prestaciones. Esta medida, aunque no publicitada activamente por los ministerios implicados, busca asegurar el sustento de programas cruciales en un periodo de incertidumbre fiscal. La urgencia de estas transferencias se hace evidente al considerar que los desvíos de impuestos han superado los 15.452 millones de euros en lo que va de año, un aumento superior al 30% en comparación con el periodo anterior.
Los fondos recién aprobados se distribuirán en varias partidas esenciales. Una parte sustancial, 1.300 millones de euros, se asignará a la financiación del Ingreso Mínimo Vital (IMV), una prestación de naturaleza no contributiva que requiere un refuerzo presupuestario debido a la extensión de los presupuestos de 2023. Adicionalmente, 1.328 millones de euros se destinarán al complemento de las pensiones mínimas, garantizando así un soporte fundamental para los jubilados. Las ayudas por protección familiar, que abarcan beneficios económicos para hijos con discapacidad o por nacimiento y adopción, recibirán 427,5 millones de euros. Por último, 769,6 millones de euros se destinarán a las prestaciones no contributivas por invalidez o jubilación. La mayor de estas transferencias asciende a 2.984 millones de euros, reflejando el compromiso del Estado con el Pacto de Toledo, que estipula la financiación de prestaciones no contributivas a través de los Presupuestos Generales del Estado, aliviando así la carga de las cotizaciones sociales.
El modelo de transferencias directas adoptado por el Gobierno se presenta como una alternativa a los préstamos tradicionales para cubrir el déficit de las cotizaciones sociales en el sistema de pensiones. Históricamente, en los últimos 14 años, los desvíos acumulados de préstamos y transferencias derivados de impuestos han alcanzado la asombrosa cifra de 474.627 millones de euros, constituyendo un 80,5% del incremento de la deuda pública. Con los datos de ejecución presupuestaria hasta mayo de este año, que ya registraban transferencias por 15.452 millones de euros (un 30,8% más que en 2024), la reciente aprobación de 6.800 millones eleva el total de inyecciones a la Seguridad Social por encima de los 22.000 millones de euros en la primera mitad del año. Esta estrategia busca proporcionar estabilidad financiera al sistema de pensiones y mantener el bienestar social, asegurando que las necesidades más básicas de la población sean atendidas, a pesar de la falta de un nuevo marco presupuestario. Es un testimonio del compromiso continuo del Estado con el apoyo a sus ciudadanos más vulnerables, demostrando una responsabilidad inquebrantable en la protección de los derechos sociales fundamentales.
กระทรวงมหาดไทย โดยการนำของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ผนึกกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เปิดฉากปฏิบัติการปราบปรามเครือข่ายค้ามนุษย์บนแพลตฟอร์มออนไลน์ โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้กระทำผิดที่ใช้ช่องทางดิจิทัลในการล่อลวงและแสวงหาผลประโยชน์จากเด็กและเยาวชน การดำเนินการครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาครัฐในการปกป้องศักดิ์ศรีและอนาคตของเด็กไทยจากภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ ซึ่งนับเป็นอาชญากรรมที่ทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
เมื่อวันที่ 10 กรกฎาคม 2568 เวลา 06.00 น. นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย สั่งการให้กรมการปกครอง โดยนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง เปิดปฏิบัติการครั้งสำคัญในชื่อ “Discord disconnected” การปฏิบัติการนี้มีเป้าหมายหลักคือการจับกุมผู้ดูแลระบบของกลุ่มแอปพลิเคชันที่มีชื่อเสียงกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีการนำเด็กสาวมาไลฟ์สดแบบเปลือยกายเพื่อหารายได้ โดยมีผู้ติดตามกลุ่มนี้มากกว่า 16,000 คน
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง ได้ร่วมกับนายชัชวาลย์ เบญจสิริวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด, พล.ต.ต.ภูมิวิทย์ เวชกามา ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด, นายพุทธภูมิ นาชัยเริ่ม นายอำเภอธวัชบุรี, สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด, นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ, นายศักดิ์ชัย โรจนรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง และ พ.ต.อ. ภาสกร หินเธาว์ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรี นำทีมชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองเข้าดำเนินการตามหมายค้นและหมายจับของศาลจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาและรวบรวมพยานหลักฐาน ณ บ้านพักในอำเภอธวัชบุรี จังหวัดร้อยเอ็ด
ปฏิบัติการดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกรมการปกครองได้รับเรื่องร้องเรียนจากมูลนิธิเพื่ออิสรภาพ (The Exodus Road) และโครงการไซเอนเทีย (The Scientia Program) ซึ่งให้ข้อมูลเกี่ยวกับการนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี มาแสวงหาประโยชน์โดยการผลิตและเผยแพร่สื่อลามกออนไลน์ผ่านแอปพลิเคชัน Discord การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายการค้ามนุษย์และส่งเสริมพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของเด็ก จากการเข้าตรวจค้น เจ้าหน้าที่พบของกลางหลายรายการ เช่น คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ สมุดบัญชีธนาคาร และหลักฐานการโอนเงิน รวมถึงหลักฐานดิจิทัลที่บ่งชี้ถึงการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศจากเด็กอย่างเป็นระบบ
เบื้องต้น ผู้ต้องหาถูกแจ้งข้อหาตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ พ.ศ. 2551 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ รวมถึงประมวลกฎหมายอาญาในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการทำ ผลิต มีไว้ นำเข้า ส่งออก หรือเผยแพร่สื่อลามกอนาจารเด็ก การค้า การแจกจ่าย หรือการมีส่วนร่วมในการค้าสื่อลามกเด็ก จากนั้นได้นำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรธวัชบุรีเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครองยังได้ให้ความช่วยเหลือเด็กสาวผู้เสียหาย 2 คน ซึ่งมีอายุ 16 ปี และ 17 ปี ตามลำดับ โดยทั้งสองได้รับการช่วยเหลือเข้าสู่กระบวนการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism – NRM) เพื่อสัมภาษณ์ คัดกรอง และคัดแยกโดยสหวิชาชีพ ก่อนจะส่งตัวเข้าบ้านพักเด็กฯ เพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจจากผลกระทบของการค้ามนุษย์ การปฏิบัติการครั้งนี้ได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนด้านการสืบสวนจากสำนักงานสืบสวนความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิสหรัฐอเมริกา และบริษัท Meta ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการจับกุมผู้กระทำผิดและช่วยเหลือเหยื่อ
นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดีกรมการปกครอง ได้เน้นย้ำถึงภัยของสื่อออนไลน์ที่ถูกใช้เป็นช่องทางในการก่ออาชญากรรม โดยเฉพาะการค้ามนุษย์ที่แฝงมาในรูปแบบการชักชวน หลอกลวง หรือบังคับ ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อเยาวชนและสังคม กรมการปกครองมุ่งมั่นที่จะป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้ามนุษย์ผ่านสื่อออนไลน์ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ท่านยังกล่าวเตือนไปยังผู้ที่คิดจะเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยตรงหรือการสนับสนุนผ่านโลกออนไลน์ ว่ากฎหมายไทยมีบทลงโทษที่รุนแรง ทั้งโทษจำคุกและค่าปรับจำนวนมาก และเชิญชวนให้ประชาชนทุกคนร่วมเป็นหูเป็นตา หากพบเห็นพฤติกรรมต้องสงสัยหรือการชักชวนที่เข้าข่ายการค้ามนุษย์ผ่านสื่อออนไลน์ ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ผ่านศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด หรือศูนย์ดำรงธรรมกระทรวงมหาดไทย หมายเลขโทรศัพท์ 1567
นโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาความสงบเรียบร้อยของสังคมและความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเด็ดขาด โดยสั่งการให้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องกับผู้ที่มีพฤติกรรมการค้ามนุษย์ ละเมิดสิทธิมนุษยชน และทำลายอนาคตของเยาวชน ซึ่งจะสร้างมลทินในโลกออนไลน์ ไม่ว่าผู้กระทำจะอยู่ที่ใดหรือใช้ช่องทางใดก็ตาม จะต้องถูกติดตามจับกุมมาลงโทษให้ได้ เพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น
รัฐบาลไทยได้ประกาศเชิญชวนประชาชนทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมทางพุทธศาสนาครั้งสำคัญสำหรับปีพุทธศักราช 2568 ได้แก่ วันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา การเคลื่อนไหวนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการทำบุญและรักษาประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามที่สืบทอดกันมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีการเน้นย้ำถึง 10 ประเพณีบุญที่ยิ่งใหญ่ใน 10 จังหวัด ซึ่งสะท้อนถึงความหลากหลายและความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นในประเทศไทย นอกจากนี้ ยังมีการเปิดช่องทางให้ประชาชนได้ร่วมตอบปัญหาธรรมะผ่านระบบออนไลน์ เพื่อเป็นการเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมคำสอน และยังได้รับเกียรติบัตรเป็นที่ระลึก ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการทำบุญแบบดั้งเดิมกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงผู้คนในยุคปัจจุบัน
รัฐบาลไทยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนาและวัฒนธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาสำคัญทางพุทธศาสนาเช่นวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษา การเชิญชวนครั้งนี้ไม่เพียงแต่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำบุญเพื่อความเป็นสิริมงคล แต่ยังเป็นการสนับสนุนประเพณีท้องถิ่นที่สะท้อนอัตลักษณ์ของแต่ละภูมิภาค การรวบรวม 10 ประเพณีบุญเด่นจาก 10 จังหวัดเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้สัมผัสและเรียนรู้ความงดงามของวัฒนธรรมที่แตกต่างกันทั่วประเทศ นอกจากนี้ การริเริ่มกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์ยังเป็นการส่งเสริมการเรียนรู้และเผยแผ่หลักธรรมในวงกว้างยิ่งขึ้น ทำให้การเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเป็นเรื่องที่เข้าถึงได้และน่าสนใจสำหรับทุกคน
รัฐบาลไทยได้ประกาศเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศเข้าร่วมกิจกรรมสำคัญทางศาสนาในช่วงวันอาสาฬหบูชาและวันเข้าพรรษาประจำปี 2568 โดยกิจกรรมเหล่านี้จะจัดขึ้นทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อให้ประชาชนจากทุกพื้นที่ได้มีส่วนร่วมในการทำบุญและรักษาประเพณีอันดีงามของชาติ
สำหรับวันอาสาฬหบูชา ซึ่งตรงกับวันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568 และวันเข้าพรรษาในวันถัดมาคือ 11 กรกฎาคม 2568 ทางรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับการสืบสานประเพณีทางพุทธศาสนาที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน การเชิญชวนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าร่วมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการทำบุญ เช่น การถวายเทียนพรรษา การเวียนเทียน และการตักบาตรดอกไม้ ซึ่งล้วนเป็นกิจกรรมที่สร้างเสริมความเป็นสิริมงคลและเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ นอกจากนี้ รัฐบาลยังเล็งเห็นถึงความสำคัญของการส่งเสริมคุณธรรมจริยธรรมในสังคมผ่านการเข้าร่วมกิจกรรมทางศาสนาเหล่านี้ ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมโดยรวมให้ดียิ่งขึ้น
ในโอกาสสำคัญนี้ ได้มีการปักหมุด 10 จังหวัด ซึ่งเป็นที่ตั้งของ 10 ประเพณีบุญที่ยิ่งใหญ่และเป็นที่รู้จัก เพื่อเชิญชวนให้ประชาชนได้เดินทางไปสัมผัสและร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานบุญเหล่านั้น
ประเพณีงานบุญที่โดดเด่นทั้ง 10 แห่ง ได้แก่ งานแห่เทียนพรรษาพระราชทาน จังหวัดนครพนม, งานแห่เทียนพรรษาโคราช จังหวัดนครราชสีมา, งานแห่เทียนพรรษาประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์, งานแห่เทียนพรรษาทางน้ำลาดชะโด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา, งานเวียนเทียนทางน้ำกลางกว๊านพะเยา จังหวัดพะเยา, งานตักบาตรดอกเข้าพรรษา วัดพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี, งานประเพณียายดอกไม้ (ตักบาตรดอกไม้) วัดจินดามณี จังหวัดสิงห์บุรี, งานแห่เทียนพรรษา 10 อำเภอ จังหวัดสุพรรณบุรี, งานแห่เทียนและตักบาตรบนหลังช้าง จังหวัดสุรินทร์ และงานแห่เทียนพรรษา \"ศรีศิลป์ ถิ่นไทยดี\" จังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งประเพณีเหล่านี้ล้วนมีความเป็นเอกลักษณ์และสะท้อนถึงวิถีชีวิตความเชื่อของคนในท้องถิ่น นอกจากนี้ เพื่อให้สอดรับกับยุคดิจิทัล สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยังได้จัดกิจกรรมตอบปัญหาธรรมะออนไลน์เนื่องในวันอาสาฬหบูชา ประจำปี 2568 โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมตอบคำถาม 10 ข้อ ระหว่างวันที่ 9 - 16 กรกฎาคม 2568 หากทำคะแนนได้ตั้งแต่ 60% ขึ้นไป จะได้รับเกียรติบัตรออนไลน์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการส่งเสริมการเรียนรู้และเข้าถึงหลักธรรมคำสอนได้อย่างสะดวกสบาย